การปลูกฝังวัฒนธรรม “ความปลอดภัยคือหน้าที่ของทุกคน”

ในยุคที่องค์กรแข่งขันกันไม่ใช่เพียงเรื่องของยอดขายหรือประสิทธิภาพการผลิตเท่านั้น แต่ “วัฒนธรรมองค์กร” กลับเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความยั่งยืนในระยะยาว และหนึ่งในวัฒนธรรมที่องค์กรโดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งคือ วัฒนธรรมด้านความปลอดภัย (Safety Culture)

หลายองค์กรยังมองว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องของแผนกเซฟตี้หรือฝ่ายอาชีวอนามัย แต่ในความเป็นจริง “ความปลอดภัยคือหน้าที่ของทุกคน” ไม่ว่าจะเป็นพนักงานฝ่ายผลิต หัวหน้างาน ช่างเทคนิค ไปจนถึงผู้บริหารระดับสูง

บทความนี้จะชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการปลูกฝังวัฒนธรรมความปลอดภัย วิธีการเริ่มต้น และแนวทางสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคน เพื่อให้องค์กรเติบโตได้อย่างมั่นคง ปลอดภัย และยั่งยืน


ทำไมวัฒนธรรมความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องของทุกคน?

1. ความปลอดภัยไม่ได้เกิดขึ้นจากแค่กฎระเบียบ

แม้จะมีกฎระเบียบด้านความปลอดภัยที่ชัดเจนเพียงใด หากไม่มี “พฤติกรรมปลอดภัย” ของพนักงาน ก็ยากที่จะป้องกันอุบัติเหตุได้จริง การใช้หมวกนิรภัย ถุงมือ แว่นตา อาจถูกบังคับ แต่หากพนักงานไม่เข้าใจถึง “เหตุผล” ที่ต้องใช้ หรือไม่เห็นความสำคัญ ก็อาจเพิกเฉยและเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย

2. ทุกตำแหน่งมีบทบาทที่เชื่อมโยงกัน

ในสายการผลิต ความผิดพลาดเล็กน้อยจากจุดหนึ่งอาจส่งผลถึงทั้งไลน์ เช่น พนักงานฝ่ายขนย้ายไม่ใส่รองเท้านิรภัยและลื่นล้ม อาจทำให้สินค้าเสียหาย หรือส่งผลถึงเวลาในการจัดส่งทั้งหมด การมีสำนึกร่วมในความปลอดภัย จึงเป็นเรื่องที่ต้องเกิด “ทั่วทั้งองค์กร”

3. การไม่สนใจเรื่องความปลอดภัย = ต้นทุนแฝง

อุบัติเหตุในที่ทำงานอาจหมายถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล เวลาหยุดงาน ค่าชดเชย หรือแม้แต่ความเสียหายทางภาพลักษณ์ขององค์กร ดังนั้น การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยเป็นการลดต้นทุนระยะยาวอย่างแท้จริง


องค์ประกอบของวัฒนธรรมความปลอดภัยที่ยั่งยืน

✅ 1. ความตระหนักรู้ (Awareness)

ทุกคนในองค์กรต้อง “รู้” ว่าความปลอดภัยสำคัญ ไม่ใช่แค่เรื่องของกฎ แต่คือการป้องกันตนเอง เพื่อนร่วมงาน และภาพรวมขององค์กร พนักงานต้องเข้าใจว่า อุปกรณ์เซฟตี้ที่ให้มา ไม่ใช่ภาระ แต่คือเครื่องมือช่วยให้กลับบ้านอย่างปลอดภัยทุกวัน

✅ 2. ความรับผิดชอบร่วมกัน (Shared Responsibility)

ไม่ใช่แค่หัวหน้าเท่านั้นที่ต้องคอยตรวจตรา แต่พนักงานทุกคนควรช่วยกันสังเกต เตือนกันอย่างจริงใจ และรายงานความเสี่ยงหรือเหตุการณ์ผิดปกติอย่างไม่กลัวผิด หรือถูกตำหนิ

✅ 3. ความมีวินัยและต่อเนื่อง (Consistency)

การปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยต้องเกิดขึ้น “ทุกวัน” ไม่ใช่แค่ช่วงตรวจสอบหรือช่วงอบรม หากไม่มีความสม่ำเสมอ การปลูกฝังวัฒนธรรมก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ


วิธีปลูกฝังวัฒนธรรมความปลอดภัยให้เกิดขึ้นจริง

1. เริ่มจากผู้นำองค์กร

ผู้บริหารระดับสูงต้องแสดงบทบาทเป็น “แบบอย่าง” เช่น การเดินตรวจหน้างานด้วยตนเอง การใส่อุปกรณ์เซฟตี้แม้ไปตรวจเพียงไม่นาน การกล่าวถึงความปลอดภัยในการประชุมบ่อย ๆ สิ่งเหล่านี้ส่งผลอย่างมากต่อทัศนคติของพนักงาน

2. สื่อสารอย่างสม่ำเสมอ

การมีบอร์ดความปลอดภัย, Infographic, คลิปสั้น ๆ, ป้ายเตือน หรือแม้แต่กลุ่มแชทภายในองค์กรที่แชร์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในวงการ เป็นเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นเตือนให้ทุกคน “นึกถึงความปลอดภัย” อยู่เสมอ

3. อบรม-เวิร์กช็อปแบบมีส่วนร่วม

แทนการอบรมแบบ Lecture ทางเดียว ลองจัด Workshop ให้พนักงานจำลองสถานการณ์ เช่น การยกของผิดวิธี การเลือกอุปกรณ์ผิดประเภท แล้วอภิปรายร่วมกัน การมีส่วนร่วมจะช่วยให้พนักงานจำได้จริง และเข้าใจเชิงลึก

4. เปิดพื้นที่ให้พนักงานรายงานความเสี่ยง

องค์กรควรมีระบบให้พนักงานแจ้งเหตุการณ์เสี่ยง (Near Miss) ได้โดยไม่ต้องกลัวโดนลงโทษ เช่น กล่องรับฟีดแบ็ก 匿名 (ไม่ระบุตัวตน), Line OA สำหรับแจ้งเหตุ, หรือแม้แต่ระบบแจ้งผ่าน QR code

5. สร้างแรงจูงใจ

บางองค์กรจัด “รางวัลความปลอดภัย” สำหรับแผนกที่ไม่มีอุบัติเหตุ หรือพนักงานที่รายงาน Near Miss ได้มากที่สุดในเดือน เช่น ของขวัญเล็กน้อย, ใบประกาศ, หรือเกียรติบัตร ก็ช่วยสร้างแรงผลักดันได้ดี


ตัวอย่างองค์กรที่มี Safety Culture เข้มแข็ง

  • บริษัทในอุตสาหกรรมพลังงาน เช่น ปตท. หรือ SCG ใช้นโยบาย “Safety Starts With Me” ให้พนักงานทุกระดับมีบทบาทต่อความปลอดภัย
  • โรงงานญี่ปุ่นส่วนมากจะใช้ระบบ 5ส + Kaizen + ความปลอดภัย ควบคู่กัน โดยให้พนักงาน “คิดปรับปรุง” จุดเสี่ยงและรายงานเพื่อพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
  • ธุรกิจโลจิสติกส์ เช่น DHL ใช้ระบบ Safety App ให้พนักงานตรวจเช็คความปลอดภัยก่อนเริ่มงานทุกวันผ่านมือถือ

สร้างความยั่งยืน: จากพฤติกรรม → เป็นวัฒนธรรม

พฤติกรรมที่ปลอดภัยเมื่อเกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนกลายเป็น “ความเคยชิน” จะพัฒนาเป็น “วัฒนธรรม” และนี่คือหัวใจสำคัญขององค์กรยุคใหม่ ที่ไม่เพียงแต่ผลิตสินค้าได้ดี แต่ยัง “ดูแลคนในองค์กร” อย่างเป็นระบบ

การปลูกฝังวัฒนธรรมความปลอดภัยอาจไม่เห็นผลทันทีใน 1–2 เดือน แต่เมื่อดำเนินต่อเนื่องด้วยความเข้าใจ ความจริงใจ และการมีส่วนร่วมของทุกคน ความเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน


สรุป

“ความปลอดภัยคือหน้าที่ของทุกคน” ไม่ใช่เพียงแค่วลีสวยงามบนป้ายโรงงาน แต่คือสิ่งที่ต้องลงมือทำจริงทุกวัน ด้วยความร่วมมือ ความใส่ใจ และความรับผิดชอบร่วมกัน เมื่อทุกคนในองค์กรยอมรับในบทบาทของตนเองต่อความปลอดภัย ไม่ว่าจะในฐานะพนักงาน ผู้นำ หรือทีมสนับสนุน องค์กรก็จะสามารถสร้างสถานที่ทำงานที่มั่นคง ปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างยั่งยืน


หากคุณเป็นผู้ประกอบการ เจ้าของโรงงาน หรือฝ่ายจัดซื้อที่ต้องการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในองค์กร เรายินดีให้คำปรึกษาเรื่องอุปกรณ์เซฟตี้ที่เหมาะสม พร้อมบริการจัดชุดเซฟตี้ครบวงจรให้กับทุกภาคอุตสาหกรรม

📩 สนใจติดต่อ PGT Supply ได้เลยครับ
#วัฒนธรรมความปลอดภัย #ความปลอดภัยในโรงงาน #SafetyCulture #SafetyFirst #อุปกรณ์เซฟตี้ #PGTSupply #โรงงานปลอดภัย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error: Content is protected !!